เรื่องเล่าจากยาย ถึงหลานตัวน้อย ว่าลพบุรีเคยเป็นชุมทางการค้าตั้งแต่ก่อนมีประวัติศาสตร์!

หลาน:
ยายๆ… หนูเรียนเรื่องลพบุรีที่โรงเรียน
ครูบอกว่าเป็นเมืองเก่า แต่หนูอยากรู้ว่า “ก่อนจะมีพระนารายณ์” ลพบุรีเป็นยังไงเหรอ?

ยาย:
โหย… ถ้าจะเล่าย้อนไปจริงๆ นะ มันไกลกว่าสมัยพระนารายณ์อีกหลานเอ๊ย
รู้ไหมว่า ลพบุรีเคยเป็น “เมืองค้าขาย” ที่เจริญมาก…ตั้งแต่ สามพันปีที่แล้ว เลยนะ!

หลาน:
หาาาา! เจริญกว่าตอนนี้เลยเหรอ!? แล้วเขาขายอะไรกันยาย?

ยาย:
ขายเยอะแยะเลยลูก ไม่ใช่แค่ขาย… แต่ยัง “แลกเปลี่ยน” ของกันด้วย
เพราะตอนนั้น ยังไม่มีเงินแบบที่เราใช้กันตอนนี้ เขาก็ใช้ของมีค่าอย่างลูกปัด เปลือกหอย แร่ธาตุ หรือข้าว มาแลกกัน

หลาน:
จริงเหรอ! แล้วลพบุรีอยู่ติดทะเลด้วยเหรอยาย?

ยาย:
ก็ไม่แน่ใจหรอกว่าติดทะเลไหม แต่จากหลักฐานที่เขาขุดเจอกันที่ “แหล่งโบราณคดีบ้านพรหมทินใต้” กับ “บ้านโป่งมะนาว”
มันมีของที่มาจาก อินเดีย กับ ต่างแดน เยอะมาก เช่น ตราประทับดินเผารูปวัวแบบอินเดีย หรือ ลูกปัดแก้วที่ไม่ได้ทำในไทย

หลาน:
แสดงว่า…เขาเดินทางมาค้าขายกันทางน้ำใช่ไหม?

ยาย:
ใช่เลยจ้ะ เพราะสมัยนั้นทางน้ำคือทางด่วนของคนโบราณเลยนะ
ล่องเรือไปตามแม่น้ำ ต่อจากทะเลอ่าวไทย เขาก็มาถึงลพบุรีได้

หลาน:
แล้วเขาอยู่กันยังไงล่ะยาย?

ยาย:
อยู่กันเป็น “ชุมชน” เลยนะลูก มีทั้งบ้านเรือน การปลูกข้าว และก็มีพิธีกรรมศพด้วย
เขาไม่ใช่แค่อยู่ไปวันๆ นะ ยัง รักสวยรักงาม ด้วย เพราะจากการขุดค้น
เจอทั้ง เครื่องประดับจากหิน แก้ว เปลือกหอย หรือกระดองเต่า เลย

หลาน:
หูววว ชอบแต่งตัวกันตั้งแต่สมัยโบราณเลยเหรอ!

ยาย:
ใช่จ้ะ แล้วที่สำคัญ…เขาไม่ได้เน้นทำอาวุธ
แต่เน้น ทำเครื่องประดับ กับของใช้ แปลว่า คนลพบุรียุคโบราณเขาสงบ มีวัฒนธรรมดีงาม มากเลยนะ

หลาน:
แล้วเขากินอะไรล่ะยาย?

ยาย:
ก็กินข้าวนี่แหละลูก!
เขาขุดเจอ เมล็ดข้าว เปลือกข้าว แทบทุกชั้นดินเลยนะ
แสดงว่าคนลพบุรีปลูกข้าวกันมาตลอดหลายพันปี
ยายถึงชอบบอกไงว่า “ข้าวคือพลังของสังคมไทยเรามาตั้งแต่โบราณแล้ว”

หลาน:
ว้าววว… แบบนี้ลพบุรีก็ไม่ธรรมดานะยาย

ยาย:
ไม่ธรรมดาเลยจ้ะ
ลพบุรี เป็น “ชุมทางการค้า” ที่สำคัญตั้งแต่ยุค ก่อนประวัติศาสตร์
มีคนมาแลกเปลี่ยนของ มีวัฒนธรรมจากต่างแดนเข้ามาเยอะ
บางชิ้นอายุ มากกว่า 3,000 ปี เลยนะหลานเอ๊ย…

ลพบุรี: ชุมทางการค้าก่อนประวัติศาสตร์

ย้อนรอยลพบุรี เมื่อกว่า 3,000 ปีก่อน
ในพื้นที่จังหวัดลพบุรี นักโบราณคดีได้พบร่องรอยของชุมชนโบราณที่มีอายุประมาณ 3,000–2,500 ปี การขุดค้นนี้เปิดเผยให้เห็นถึงระบบการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่ไม่ได้อยู่กันโดดเดี่ยว แต่รวมตัวกันเป็น ชุมชน และเริ่มมีการ ติดต่อ แลกเปลี่ยนสินค้า โดยเฉพาะ ทางน้ำ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักของการคมนาคมในยุคนั้น

จากข้อมูลทางธรณีวิทยา มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า ลพบุรีในอดีตอาจเคยเป็นเมืองชายทะเล ซึ่งอธิบายได้ถึงการมีอยู่ของการค้าข้ามถิ่นฐานในพื้นที่นี้


2 แหล่งโบราณคดีสำคัญในลพบุรี

1. แหล่งโบราณคดีบ้านพรหมทินใต้

บริเวณวัดพรหมทินใต้ในปัจจุบัน คือพื้นที่ที่พบ หลักฐานการพัฒนาทางวัฒนธรรม และการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ตั้งแต่

  • ยุคเหล็ก (ก่อนประวัติศาสตร์)
  • ยุคทวารวดี (เริ่มมีอิทธิพลศาสนาและการค้าระหว่างประเทศ)
  • สมัยกรุงศรีอยุธยา
  • และต่อเนื่องจนถึงยุคปัจจุบัน (ราว 100 ปีก่อน)

หลักฐานที่น่าสนใจ ได้แก่

  • ตราประทับรูปวัว ทำจากดินเผา ซึ่งมีลักษณะตรงกับวัฒนธรรมของอินเดีย
  • พระพนัสบดี พระพุทธรูปหินสีดำแกะสลัก อายุราว 1,300–1,200 ปี ประทับยืนบนสัตว์ประหลาดคล้ายนก มีเขาบิดเป็นเกลียวคล้ายเขาโค แสดงถึงการผสมผสานศิลปะและความเชื่อจากต่างวัฒนธรรม

2. แหล่งโบราณคดีบ้านโป่งมะนาว

อยู่ไม่ไกลจากแหล่งแรก พบหลักฐานเกี่ยวกับ

  • พิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย
  • เครื่องประดับโบราณ เช่น ลูกปัดแก้ว หิน เปลือกหอย และกระดองเต่า
    สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ และรสนิยมของผู้คนในยุคนั้น

เศรษฐกิจยุคโบราณ และความสำคัญของ “ข้าว”

นักโบราณคดีให้ความเห็นว่า ลพบุรีในยุคก่อนประวัติศาสตร์มีการติดต่อค้าขายกับต่างชาติอย่างชัดเจน

  • นำเข้า: เครื่องประดับ ของใช้
  • ส่งออก: แร่ธาตุ และผลิตผลทางการเกษตร

แม้พบโลหะจำนวนมากในชั้นดิน แต่ไม่ได้ถูกนำมาทำเป็นอาวุธ ส่วนใหญ่ถูกแปรรูปเป็น

  • เครื่องประดับ
  • ชิ้นส่วนเสื้อผ้า

สิ่งนี้บ่งชี้ถึงลักษณะของสังคมที่ รักสวยรักงาม มีความเข้าใจในแฟชั่นและศิลปะการแต่งกาย

อีกหนึ่งหลักฐานที่น่าสนใจ คือการพบ เมล็ดข้าว เปลือกข้าว และต้นข้าว แทบทุกชั้นวัฒนธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
“ข้าว” ไม่ใช่แค่พืชอาหาร แต่เป็นหัวใจในการปฏิวัติสังคมในแต่ละยุค


ลพบุรี… ไม่ใช่แค่เมืองเก่า แต่คือหัวใจแห่งเครือข่ายโลกยุคโบราณ

เรื่องราวจากการขุดค้นแสดงให้เห็นว่า ลพบุรีไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่อาศัยของผู้คนในอดีต
แต่คือ ศูนย์กลางทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการคมนาคม
ที่เชื่อมโยงผู้คนจากดินแดนไกลโพ้น ผ่าน แม่น้ำ ทะเล และความร่วมมือทางวัฒนธรรม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *